วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

พิซซ่าไทย สุพรรณบุรี ขอส่งความสุขแด่ .. ครูจุรีรัตน์ มีชะนะ




  ร้านพิซซ่าไทย สุพรรณบุรี โดย เรวัติ  น้อยวิจิตร  ขอส่งมอบความสุข ความสำเร็จ แด่ คุณครูจุรีรัตน์ มีชะนะ  ครูชำนาญการ โรงเรียนวัดคลองโมง ต.องครักษ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ในโอกาสวันเกิด  ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗  ส่งพิซซ่าขนาดใหญ่ ๑๕ กล่อง ถึงโรงเรียน เพื่อเลี้ยงเด็กนักเรียน





              วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗  เวลา  ๑๐.๐๐ น. ผมเดินทางจากร้านพิซซ่าไทย สุพรรณภูมิ เพื่อไปยังโรงเรียนวัดคลองโมง ต.องครักษ์ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เป้าหมายคือการนำส่ง พิซซ่าไทย ขนาดใหญ่ จำนวน ๑๕ กล่อง ยังผู้สั่งซื้อ คุณครูจุรีรัตน์ มีชะนะ  ครูชำนาญการโรงเรียนวัดคลองโมง ในโอกาสวันเกิด วันนี้  คุณครูจุรีรัตน์ มีชะนะ โทรหาผมเมื่อตอนเช้า  ประมาณ แปดโมง บอก ส่งพิซซ่าไทย ที่โรงเรียนให้หน่อยซิ จะเอาไปเลี้ยงเด็ก ถึงโรงเรียนประมาณ สิบโมงครึ่งนะ เด็กเล็กทานกลางวันประมาณ สิบเอ็ดโมง  ผมรับคำว่าจะไปถึงที่หมายตามกำหนดเวลา แต่ก็ยังไม่ได้ถามว่า เนื่องในโอกาสใด  เพราะในช่วงนี้ มักมีคนโทรมาสั่งพิซซ่าไทย  ไปถวายพระบ้าง  เลี้ยงเด็กนักเรียนบ้าง  เพราะเป็นเมนูพิเศษ ที่หาลิ้มลองยาก ในโอกาสธรรมดา




              ผมสั่งที่ร้าน พิซซ่าไทย สาขาสุพรรณภูมิ  ให้ทำพิซซ่าไทย ขนาดตามออเดอร์ จำนวน ๑๕ กล่อง ๔ หน้ายอดนิยม  ได้แก่ ฮาวายเอี้ยน  สโมกกี้เบค่อน  แฮมชีท และ ซีฟู๊ด  ซึ่งเด็กๆจะชอบ และ เป็นหน้าที่ฮอตฮิท ติดชาร์ท มานาน  ที่เลือกสั่งออเดอร์ จากสาขาสุพรรณภูมิซึ่งอยู่ในตัวเมืองแทนที่จะสั่งจาก สาขาในพื้นที่ เพราะที่ร้านนี้ มีแม่ค้าสามคน จะเร็วกว่าที่ สาขาบางปลาม้า ซึ่งอยู่ใกล้กว่า แต่มีแม่ค้าคนเดียว เกรงว่าจะไม่ทัน สิบโมงเช้า ออเดอร์เสร็จตามเวลา ผมรับของ  พิซซ่าไทย ๑๕ กล่อง มุ่งหน้า สู่บางปลาม้า ถึงโรงเรียนวัดคลองโมง ๑๐.๓๐ น. ตามเวลานัดหมาย พบท่านผู้อำนวยการ ขวัญเมือง โอชารส  ออกมาต้อนรับ หลังจากสอบถามสารทุกข์สุขดิบกันพอควร ก็มาจอดรถที่หน้าอาคารเรียนเป้าหมาย 




             โรงเรียนวัดคองโมง แห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงเรียนที่ผมได้มาบรรจุเป็นครูอยู่ที่นี่  ยังจำได้ดี ๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔ มาบรรจุครูวันแรก มีครูจุรีรัตน์ มีชะนะ  นามสกุลเดิม  พวงพิกุล  และ ผม เราได้บรรจุครูวันเดียวกัน  ๓๓  ปีแล้ว แต่สถานศึกษาแห่งนี้ กลับดูดีกว่าในอดีตมากมาย  มีอาคารเรียนสมัยใหม่  มีห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ อาคารโรงอาหาร  ครูจุรีรัตน์ เล่าว่า  โรงเรียนวัดคลองโมง ได้รับรางวัลในระดับประเทศหลายรางวัล  โดยเฉพาะ โครงการอาหารกลางวันตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง  ที่นี่ เด็กนักเรียนจะมีอาหารกลางวันทานฟรี ทุกคน  โรงอาหารสะอาด อาหารอร่อย วันนี้เลยได้รับเกียรติ ให้ได้ชิมอาหารกลางวันของที่นี่ด้วย




               โรงเรียนวัดคลองโมง  มีนักเรียนจากหลายหมู่บ้านมาเรียน ที่นี่  จากหมู่บ้านคลองโมง  บ้านสะพาน  บ้านทองขาหย่าง บ้านท้องคุ้ง  แต่เดิมมีนักเรียนเกือบสองร้อยคน ในครั้งอดีต ปัจจุบัน เหลือนักเรียน เกือบร้อย  ครู 4 คน รวมบุคลากร ทั้งหมด 8 คน สาเหตุที่นักเรียนน้อยลงเกิดจาก เส้นทางคมนาคมเปลี่ยนไป เคยต้องสัญจรทางเรือ  ก็มีถนนตัดผ่านหมู่บ้าน นักเรียนเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารเป็นพาหนะมาโรงเรียน หลายแห่งมีรถยนต์ส่งมารับนักเรียน  จึงทำให้การย้ายสถานศึกษา  ย้ายที่เรียนเกิดขึ้น  ที่ รร.วัดคลองโมง  ก็พบปัญหาเดียวกัน  นักเรียนจากหมู่บ้านทองขาหย่าง  ไปเรียนที่ิ โรงเรียนวัดสามัคคีธรรม ใกล้กว่ามาที่นี่  นักเรียนจาก บ้านสะพาน ที่ใช้รถยนต์ ก็ย้ายไปเรียน ที่ รร.วัดศาลาท่าทราย สะดวกกว่า ที่นี่เด็กจึงลดลง  แต่ที่ไม่ได้ลดลงไปเลย คือความเป็นปึกแผ่นของคนที่นี่  ที่หมู่บ้านคลองโมง เป็นหมู่บ้านคนไทย เชื้อสายลาว  ผู้คนอัธยาศัยดี  มีน้ำใจ ต่อผู้มาเยือน  ผมมาสอนเด็กๆ อยุ่ที่นี่ระหว่างปี ๒๕๒๔-๒๕๒๗ รวม ๔ ปี  ก่อนจะย้ายไปสอนที่ รร.วัดศุขเกษม  ต.บ้านแหลม  ซึ่งสะดวกกว่า  ยังจดจำเรื่องราวในอดีตที่นี่ได้ดี  ที่นี่ น้ำใส มองเห็นตัวปลาในน้ำ  ผู้คนใจดี  มีน้ำใจ  รักพวกพ้อง  ผมเองยังจำภาพความประทับใจ เมื่อครั้งมาเป็นครูอยู่ที่นี่  ๔ ปี ได้เป็นอย่างดี




                วันนี้ ถือโอกาสมาเยือน บ้านเก่า  เพื่อนเก่า  ได้ทานมื้อกลางวัน กับ ครู และ นักเรียน ที่นี่ ถือเป็นความสุข อีกวาระหนึ่ง ก่อนเดินทางกลับ ขอขอบคุณ คุณครูจุรีรัตน์ มีชะนะ  เจ้าของวันเกิด ที่โทรมาสั่ง พิซซ่าไทย ไปเลี้ยงเด็กๆ ที่ รร.วัดคลองโมง ในวันนี้ ทำให้ผมได้มีโอกาส ย้อนกลับมา ณ สถานศึกษาแห่งนี้  เป็นความทรงจำ และ  ความสุข   ที่ได้มีโอกาส มาอีกครั้งหนึ่ง




      เรวัติ  น้อยวิจิตร  สุพรรณอินชัวร์ดอทคอม  rewat.noyvijit@hotmail.com  081-9107445

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

๑ ปี พิซซ่าไทยสุพรรณ กับ “ น้าปั๊ก “ นพพร น้อยวิจิตร

1 ปี พิซซ่าไทยสุพรรณ  กับ ความสำเร็จของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชื่อ “ น้าปั๊ก “ นพพร น้อยวิจิตร
   

            นพพร น้อยวิจิตร หรือ น้าปั๊ก   เกิดเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม  ๒๕๐๗  ที่บ้านฝั่งเหนือ หมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี  หลังเรียนจบในระดับการศึกษาภาคบังคับ  ที่ โรงเรียนวัดป่าพฤกษ์ บ้านเกิด เธอก็เลือกที่จะไปเรียนต่อในสายอาชีพ  ที่ โรงเรียนสอนตัดเสื้อระพี  หลังเรียนจบ ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง  เธอได้รับการทาบทามจาก ป้ายง  ให้เข้าทำงานที่ ร้านระพี  ในตำแหน่ง ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า  ๔ ปีต่อมา  เธอได้กลับบ้านเพื่อสมรส กับ ครูหนุ่ม ที่ชื่อ เรวัติ น้อยวิจิตร  พร้อมกับวิถีชีวิต ที่หักเห  ตามสามี เข้าสู่ ธุรกิจ ด้านประกันชีวิต  ประกันวินาศภัย และ งานด้านสื่อสารมวลชน ตามที่ครอบครัวพาไป  เธอมีชีวิตที่ต่างไปจาก ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า แต่ก่อน  เธอได้เดินทางติดตามสามี ไปท่องเที่ยว ต่างประเทศ นับสิบครั้ง


             เมื่อปี ๒๕๕๖  ที่ผ่านมา เธอบอก .. อยากค้าขาย  และ ก็เป็นที่มาของ การกำเนิด ธุรกิจ  ร้านพิซซ่าไทย ในจังหวัดสุพรรณบุรี  โดย ได้ไปเริ่มต้น ค้าขาย ชานมไข่มุกไต้หวัน  เปิดร้านที่อำเภอ เสนา จังหวัด พระนครศรีอยุธยา  ๕ เดือน ต่อมา  เธอได้พบ  ธุรกิจ ร้านพิซซ่า ใน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  บูม มากมาก  มีสามสี่เจ้า ขายดีทุกเจ้า ขายดีกว่าร้านชานมของเราเสียอีก  จึงเป็นที่มาของการ “ เซ้งกิจการ ร้านชานม “ และ มาซื้อแบรนด์  ร้านพิซซ่าไทย จาก กรุงเทพฯ เพื่อมาทำเป็น ธุรกิจครอบครัว ที่จังหวัดสุพรรณบุรี  บ้านเกิด

            ๗  กรกฎาคม  ๒๕๕๖  ได้ฤกษ์ดี ทำพิธีเปิดร้าน พิซซ่าไทย สาขา บางปลาม้า  เป็นสาขาแห่งแรก ในจังหวัดสุพรรณบุรี  ขายดิบ ขายดี จน แม่ค้าไม่ได้กินข้าว กินปลา กันเป็นวันๆ นึกถึงแล้วก็อดที่จะขำกันไม่ได้ ทุกครั้งที่เล่าเรื่อง ร้านพิซซ่าไทย ที่บางปลาม้า  พอยกประตูเปิดร้าน  เด็กๆก็ลอดเข้ามาจองคิวกันเลย  เวลาจะปิด ก็ต้องรีบปิด เห็นลูกค้าขาดช่วงต้องรีบปิดประตูร้าน  แต่ก็ยังไม่วายที่ลูกค้าเด็กๆ จะรอดเข้ามาขอซื้ออีก จนได้

            กว่า ๕ เดือน ที่  ร้านพิซซ่าไทย สาขาบางปลาม้า โดย “ น้าปั๊ก “ ของเด็กๆ สามารถสร้างยอดขาย  และ ชื่อเสียง โด่งดัง ข้ามจังหวัด ฯ  คุณ ลัดดา สุวรรณชาต  เจ้าของแบรนด์ดัง พิซซ่าไทย บุกมาถึงบางปลาม้า  พร้อมเซ็นต์สัญญา มอบ ลิขสิทธิ์  พิซซ่าไทย จังหวัดสุพรรณบุรี  ให้เป็นรางวัล 
 

            เริ่มวางระบบ ขยายเครือข่าย การจำหน่ายแฟรนไชน์  และ แป้งพิซซ่าไทย ไปทั่วพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี  โดย ตั้งเป้าไว้ที่ ๑ ปี  ๒๐ สาขา ทั่วจังหวัดสุพรรณบุรี  และ วันนี้  ๗  กรกฎาคม ๒๕๕๗  ครบรอบ ๑ ปี ร้านพิซซ่าไทย จังหวัดสุพรรณบุรี  “ น้าปั๊ก “ นพพร น้อยวิจิตร  สามารถ เปิดร้าน พิซซ่าไทย เป็นของตนเอง ได้ถึง ๔ แห่ง  ได้แก่ สาขา บางปลาม้า ( แห่งแรก )  สาขา สุพรรณภูมิ ( จำหน่ายแฟรนไชน์ และ แป้งพิซซ่าไทย )  สาขา ห้างโรบินสันสุพรรณบุรี  และ สาขาที่ ๔   สาขาวัดป่าเลไลยก์   ( ฝั่งตรงข้ามวัดป่าเลไลยก์ ) ซึ่งเปิดเมื่อวันพุธที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗  ที่ผ่านมา

               “ น้าปั๊ก “ เปิดใจ .. ทำไปก็ยังไหวอยู่  เพราะลูกกำลังเรียน  กำลังใช้เงิน  ต้องเตรียมไว้ให้พวกเขา  ลูกชายคนโต  ลูกปอ เป็นทหารอยู่เมืองกาญจน์  อีก ๔ เดือนก็ปลดประจำการแล้ว  ถ้าจะเข้าเรียนต่อในโรงเรียนนายสิบ ก็ไม่ว่า ได้รับราชการ  แต่ถ้าไม่เอา  ก็มาช่วยกันค้าขาย  ช่วยกันดูแลกิจการ ให้เติบโต  ต่อยอด เพิ่มมากยิ่งขึ้น  ลูกสาวคนรอง ลูกแมว  เรียนอยู่ปี ๓  มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะวิศวกรรมศาสตร์  เขาอยากเป็นวิศวกร  ก็ตามใจเขา เชื่อว่าเขาทำได้ และ ทำได้ดี เพราะเขาเป็นคนเก่ง  ขยัน  ปิดเทอมก็ทำงานรับจ้าง ที่ทางสถาบันบ้าง อาจารย์บ้าง  กับเพื่อนๆเขาสิบกว่าคน หางานทำกัน  ไม่เคยหยุด เราเห็นแล้วก็ดีใจ  ต่อไปจะได้ไม่ลำบาก  เพราะมีต้นทุนมาเยอะ  รับจ้างนับรถตามถนน ก็ยังทำได้  เด็กๆเดี๋ยวนี้ เขาขยัน  ส่วนลูกโจ้  ลูกชายคนเล็ก  จบมอหก สอบเรียนต่อ ได้ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  พ่อเขาเพิ่งจะมาไปมอบตัวเมื่อสองวันก่อน  เขาอยากเป็น นักสังคมสงเคราะห์  คนนี้ ใจบุญ  ไม่ฆ่าสัตว์  ชอบช่วยเหลือคน  เรียนเก่ง  ทำงานก็เก่ง  ขายพิซซ่า ก็เก่ง  เรียน ๔ ปี  ต้องใช้เงินอีกเยอะ  เราในฐานะ พ่อ แม่  ก็ต้องยอมลำบากเอาหน่อย ..

             ความสำเร็จของร้านพิซซ่าไทย ในจังหวัดสุพรรณบุรี เคล็ดลับง่ายๆ  อยู่ที่ของเขาดี  สด สะอาด อร่อย  คุณลัดดา  สุวรรณชาต  เจ้าของแบรนด์  ส่งแป้งให้เรา วันเว้นวัน  ทำใหม่ทุกวันๆละกว่า ห้าพันชิ้น เป็นของเรา ไม่ถึงพันชิ้น ที่เหลือกระจายส่งทั่วประเทศไทย และ ต่างประเทศ  ต้องเลือกทำเลที่ดี  เราจะขายแฟรนไชน์  ลงตามตลาดอำเภอก่อนจนครบ ทั้ง ๑๐ อำเภอ  สำหรับตลาดรอง  ตามตำบลต่างๆ  ก็เลือกมองดูว่า  ตลาดใด ที่มีศักยภาพสูง  มีองค์ประกอบที่ดีพอ จึงขายแฟรนไชน์ลงไป อย่างที่ตลาดสวนแตง  ตลาดท่าเสด็จ  ก็เป็นตลาดที่ดี  มีศักยภาพสูง  พอเปิดก็สามารถสร้างลูกค้าได้มากมาย

            วันนี้เราดีใจ  ที่ธุรกิจเล็กๆ ลงทุนหลักหมื่น สามารถทำได้ด้วยตัวเอง  และเป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงลูก  เลี้ยงครอบครัวได้ สำหรับลูกๆ เราไปพบเจอ ธุรกิจอะไร เวลาต้องไปเรียน ก็จะให้พวกเขาไปเรียนด้วย จะได้ช่วยกันได้ ก็เป็นอีก มุมมองหนึ่ง ของการถ่ายทอด ประสบการณ์  ทางธุรกิจ  จาก แม่ สู่ลูก  ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง ได้พยายาม และมุ่งมั่น ที่จะทำให้ดีที่สุด และ วันนี้ เธอก็สามารถ ทำได้ อย่างที่เธอ ตั้งใจไว้ .. 






 



        เรวัติ  น้อยวิจิตร  เรียบเรียง